เคยรู้สึกไหมว่า ดนตรีมักจะอยู่เป็นเพื่อนเราในหลายๆ เวลา เช่น ไว้แก้เหงา ไว้เป็นความบันเทิง หรือใช้สร้างบรรยากาศในเวลาต่างๆ และเชื่อว่า หลายๆ คนก็น่าจะมีเพลงที่เปิดฟังอยู่บ่อยๆ ในวันที่ไม่สบายใจ หรือวันที่คิดถึงเหตุการณ์หรือใครสักคน ดนตรีมักจะเชื่อมกับความรู้สึกของเราโดยไม่รู้ตัว แล้วรู้ไหมว่า ดนตรีก็ผูกพันกับคนเราในมิติอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เพราะไม่เพียงแต่ เสียง โน้ต เพลง หรือสิ่งที่เราได้ยินนั้น เป็นความสามารถของมนุษย์ที่สร้างขึ้นได้แล้ว แต่คนเรายังตอบสนองหรือแสดงออกตามเสียง จังหวะ โทน จนถึงความถี่ของเสียง อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เสียงแจ้งบอกสถานีรถไฟฟ้า ทำให้เรารู้ถึงจุดหมายปลายทาง เสียงลมพลิ้วไหวหรือคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เสียงจี่ๆ บนกระทะ ทำให้รู้สึกหิว เสียงเพลงทำให้เราร้องตาม เสียงประกาศบนเวทีของนักร้องที่เราชื่นชอบ ทำให้เรายกมือขวาโดยพร้อมเพียงกัน

ความสามารถหรือพลังของสื่อกลางนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการมีชีวิตและจบชีวิตด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าเสียงและดนตรีผูกพันกับคนอย่างแยกไม่ออก

บทความ Life & Sound โดยทีม Hear & Found ขอเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่อยากชวนฟัง บทเพลง ดนตรี เสียงที่หลากหลายในประเทศไทย และสิ่งที่สอดแทรกอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มวัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมกับสร้างบทสนทนา ถกเถียงในมิติต่างๆ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนกัน

ทีม Hear & Found มีจุดเริ่มต้นจากทำงานและความสนใจในชุมชนท้องถิ่นในประเทศไทย โดยค้นพบว่า ดนตรี เสียง และวิถีชีวิตมีความเชื่อมโยงกัน แต่ศิลปะและทักษะสร้างสรรค์นี้ กำลังค่อยๆ หายไป โดยส่วนหนึ่ง เราค้นพบว่าเกิดจากการที่กลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทยที่มีอยู่เกือบร้อยกลุ่มไม่ได้รับการเข้าใจอย่างถูกต้อง หรือถูกดูถูกดูแคลน โดยความรู้สึกเหล่านี้ส่งผลต่อความภาคภูมิใจในตัวตน และส่งผลกระทบไปถึง กำลังในการอนุรักษ์ สืบทอด ส่งต่อและการเลี้ยงตัวเองจากทักษะพิเศษนี้ จากปัญหาตรงนี้ จึงทำให้พวกเราตั้งใจที่จะเป็นสะพานเชื่อม โดยการสร้างพื้นที่ที่ทำให้คนรู้จักความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเห็นคุณค่าของกันและกัน ผ่านดนตรี เสียง และเรื่องราวของคนในท้องถิ่น

ทีม Hear & Found เป็นการรวมตัวของคนรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านดนตรีและการสื่อสาร และแม้จะเติบโตมาในกรุงเทพฯ แต่การเดินทางไปทำงานร่วมกับชุมชนมากกว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศไทย ทำให้มีโอกาสได้สัมผัสถึงเสียงที่หลากหลาย และเข้าใจถึงปัญหา โดยจุดเริ่มต้นมาจากประสบการณ์ตรงของเม (ศิรษา บุญมา) หนึ่งในผู้ก่อตั้ง ที่เดินทางทำงานร่วมกับอาจารย์ ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน สมัยเรียนคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยในกิจกรรม Music & Community เป็นครั้งแรกที่เธอ “ได้ยิน” เสียงของเครื่องดนตรีชาติพันธุ์ ซึ่งมีความแตกต่างจากเครื่องดนตรีสากลโดยสิ้นเชิง โดยเครื่องดนตรีนั้นทำจากไม้ไผ่ฝานบางๆ มีลิ้นตรงกลาง เกิดเสียงจากการดีดลิ้นให้เป็นจังหวะ หรือเรียกกันว่า จ๊องหน่อง ซึ่งเป็นเสียงที่ไม่มีโน้ตแบบสากลกำกับ ใช้เพียงแค่การดีดลิ้นไม้ไผ่ และขยับรูปปากตามให้เกิดเป็นโทนต่างๆ เท่านั้น นอกจากเสียงนี้แล้ว ยังพบอีกว่า เพลงที่เล่นนั้น ไม่มีเนื้อร้อง ไม่มีเมโลดี้ ไม่มีฮาร์โมนี่หรือเสียงประสาน เรียกว่า ฉีกทุกกรอบทฤษฎีดนตรีสากลในความเข้าใจของเจ้าตัว จากตรงนั้น จึงเกิดคำถามมากมาย โดยหนึ่งในนั้นก็คือ เพลงรูปแบบนี้ใครเป็นผู้ฟัง ซึ่งเธอก็ค้นพบว่า เพลงนั้นเป็นเพลงที่ใช้สำหรับการจีบสาว ง่ายๆ ว่าผู้บ่าวนั่งเล่นเครื่องดนตรีนี้ให้ผู้สาวฟัง โดยไม่มีคำว่า “ฉันชอบเธอ” แต่เสียงลิ้นไม้ไผ่ที่กระเพื่อมและสร้างเสียงดังหว่องๆๆๆ นั้น กลับเป็นตัวกลางในการแสดงความจริงใจของผู้บ่าวได้

จากประสบการณ์นั้น ทำให้เห็นมิติของเสียงที่ผูกกับชีวิต เสียงสามารถเป็นตัวแทนของความภาคภูมิใจและโอกาสในการมีชีวิตที่ดีขึ้นของคนท้องถิ่นได้ด้วยเช่นกัน และเราหวังว่าพื้นที่นี้จะทำให้คุณเห็นสิ่งที่สอดแทรกอยู่ข้างในเสียงที่รายล้อมอยู่ และในทุกๆ ครั้งที่คุณฟัง เราหวังว่าคุณจะได้ค้นพบอะไรบางอย่างและสนุกกับเสียงและดนตรีรอบตัวมากขึ้น

Link: https://docs.google.com/document/d/1t1kY4bj02561R3HH59kV2fFvsKV0mKfm9_wRo0WveJM/edit

Writer

Related Posts

บ้านอุ่นไอรัก ปัตตานี สถานบำบัดสารเสพติดที่ใช้แนวทางศาสนาอิสลาม

สงครามรัสเซีย-ยูเครน : ‘ผมกลัว…ผมรักแม่นะ’ ความในใจจากทหารหนุ่มถึงครอบครัวและคนรัก

กรุงเทพฯ คือเมืองสำหรับ Digital Nomad อันดับที่ 2

แคนาดายังเป็นประเทศสองภาษาอีกหรือไม่

ฉลอง 100 ปีกำเนิด Gummy Bear : Haribo กัมมี่แบร์ที่ไม่ธรรมดา โดยคนธรรมดา เพื่อความสุขของคนธรรมดาทั่วโลก

Villa Vanilla สูดกลิ่นอายทรอปิคัลจากเกาะมาสู่เมือง