Amazon ยักษ์ใหญ่ค้าปลีก ต้องเผชิญกับแรงกดดันครั้งใหญ่ หลังพนักงานก่อตั้งสหภาพแรงงานได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
พนักงานประจำคลังสินค้าในนิวยอร์กแห่งหนึ่งได้ลงมติเห็นชอบให้ก่อตั้ง Amazon Labor Union ไปด้วยคะแนนเสียง 55 เปอร์เซ็นต์ ภายใต้การนำของ Chris Small อดีตพนักงานของบริษัทที่ถูกไล่ออก หลังเป็นแกนนำประท้วงสภาพการทำงานอันไม่ปลอดภัยในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
ชัยชนะของพนักงานกลุ่มนี้ถือเป็นความพ่ายแพ้หนแรกของบริษัทค้าปลีกออนไลน์ระดับโลก ซึ่งต่อต้านการก่อตั้งสหภาพของพนักงานมาโดยตลอด
ขณะที่การลงมติตั้งสหภาพแรงงานในที่ต่อไปจะเกิดที่อัลบามา ซึ่งทางบริษัทกำลังใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อไม่ให้แพ้มติ แต่อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ทั้งสองนี้นับเป็นก้าวสำคัญของนักเคลื่อนไหวแรงงาน ที่ปะทะกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ มาโดยตลอด
Rebecca Givan นักวิชาการด้านแรงงานศึกษาชี้ว่า ชัยชนะของ Small และคณะทำงานของเขานั้น เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง แต่พนักงานหรือลูกจ้างของ Amazon ต้องเผชิญการต่อสู้อันยากลำบากต่อไปในการเจรจาต่อรองกับบริษัท เพราะ Amazon ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดกั้นความสำเร็จนี้ ด้วยการสลายพลังของคนงาน และหยุดพลังที่เกิดจากชัยชนะในหนนี้อย่างแน่นอน
Amazon ทุ่มเททุกอย่างเพื่อต่อต้านการรวมตัวก่อตั้งสหภาพแรงงาน ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นอุปสรรคต่อความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการทำงานทางธุรกิจ
เจ้าหน้าที่ของบริษัทระบุว่า บริษัทสามารถเสนอค่าตอบแทนและผลประโยชน์อื่นๆ โดยตรงกับพนักงาน ได้ดียิ่งกว่าการเจรจาต่อรองกับสหภาพแรงงาน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่บริษัทตั้งเป็นข้อสงสัยให้กับพนักงานก่อนที่จะลงมติ ว่าพวกเขาคิดว่าผู้นำสหภาพฯ จะมีความสามารถต่อรองผลประโยชน์ได้เหนือกว่าที่บริษัทเสนอให้ได้หรือไม่
ทั้งนี้ Chris Small เคยทำงานที่ Amazon นานสี่ปี ก่อนจะถูกไล่ออกในปี 2020 หลังเขานำพวกประท้วงในช่วงเกิดโรคระบาดว่า บริษัทละเมิดกฎเกณฑ์การกักตัว โดยเขาพยายามก่อตั้งสหภาพแรงงานมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
ความสำเร็จของพนักงาน Amazon เกิดขึ้นท่ามกลางความตื่นตัวในการก่อตั้งสหภาพแรงงานทั่วสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การรณรงค์ก่อตั้งสหภาพแรงงานได้รับความสำเร็จทั้งในร้านกาแฟสตาร์บัคส์ บริษัทสื่อ รวมทั้งร้านค้าปลีกอื่นๆ
ทั้งนี้ ทั่วทั้งสหรัฐฯ มีคนงานภาคเอกชนที่สังกัดสหภาพแรงงานเพียง 6.1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ภาพจาก : www.nytimes.com