นักวิทยาศาสตร์สำรวจพบมวลน้ำปริมาณมหาศาลที่ตกเป็นตะกอนนอนก้นอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติกาทางฝั่งตะวันตก (West Antarctic) โดยคาดคะเนปริมาตรว่าเทียบเท่ากับอ่างเก็บน้ำที่ลึกหลายร้อยเมตร
มวลน้ำนี้ถูกสำรวจพบอยู่ใต้กระแสธารน้ำแข็งวิลแลนส์ (Whillans Ice Stream) แต่ก็จะมีลักษณะเดียวกันนี้ในบริเวณอื่นๆ ทั่วทั้งทวีปอันขาวโพลนไปด้วยน้ำแข็งแห่งนี้
นักวิจัยชี้แจงกับวารสาร Science ว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจเป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อโลกที่อุ่นขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของทวีปแอนตาร์กติกา ทั้งนี้ น้ำที่อยู่บริเวณฐานของธารน้ำแข็งและกระแสน้ำแข็งจะช่วยหล่อลื่นการไหลเวียนของพวกมันเอง
น้ำที่ไหลเข้าหรือออกจากอ่างเก็บน้ำใต้ผืนทวีปแห่งนี้ ส่งผลสำคัญต่อการชะลอหรือเร่งการไหลของน้ำแข็งขั้วโลก ซึ่งต้องพิจารณาไปพร้อมกับแบบจำลองผลกระทบที่มีต่อสภาพอากาศในอนาคตด้วย
คณะสำรวจที่นำโดย ดร.โคลอี้ กุสตาฟสัน จากสถาบัน Scripps Institution of Oceanography ในเมืองซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา ชี้ว่า แหล่งน้ำปริมาณมหาศาลแห่งนี้ตกตะกอนเป็นโคลนและทรายในมหาสมุทรที่มีอายุยาวนาน ซึ่งอิ่มตัวด้วยความเค็มของน้ำทะเลเมื่อหลายพันปีก่อน ในตอนนี้แผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกฝั่งตะวันตกยังมีขนาดเล็กกว่าในวันนี้มาก
“ตะกอนเหล่านี้เป็นเหมือนฟองน้ำขนาดยักษ์ ที่อาจบีบไล่น้ำทั้งหมดออกมาเพื่อไปรวมตัวกันบนพื้นผิวทวีป ตะกอนน้ำก้อนนี้มีความลึกถึง 220 เมตร ไปจนถึง 820 เมตร”
เปรียบเทียบกับตึกเอ็มไพร์สเตตซึ่งมีความสูงราว 440 เมตร ดังนั้นที่ระดับน้ำตื้นที่สุดจะเท่ากับครึ่งหนึ่งของตึกเอ็มไพร์สเตต และส่วนที่ลึกที่สุดอาจท่วมตึกเอ็มไพร์สเตตได้ถึงสองเท่า
เฮเลน ฟริกเกอร์ ศาสตราจารย์ด้านพลวัตและผลกระทบของธารน้ำแข็งจาก Scripps Institution กล่าวว่า มีคนสงสัยมานานแล้วที่นั่นมีน้ำใต้ดิน แต่คราวนี้เป็นครั้งแรกที่เราสามารถตรวจวัดได้จริง
น้ำใต้ดินที่ถูกค้นพบอยู่ในสภาพโคลนทรายที่มีอายุยาวนาน ถูกเก็บกักไว้ในชั้นที่อยู่ระหว่างธารน้ำแข็งกับหินชั้นใต้ดิน ที่มีความยาว 500-2,000 เมตร
ดร.ทอม จอร์แดน นักวิทยาศาสตร์จาก British Antarctic Survey ซึ่งสำรวจทางธรณีฟิสิกส์ของทวีปแอนตาร์กติกา ระบุว่า น้ำใต้ดินนั้นค่อนข้างอุ่นเนื่องจากรับความร้อนของหินใต้ดิน หากคุณสาดน้ำอุ่นพวกนี้ไปที่ฐานของน้ำแข็งเรื่อยๆ มันก็จะเร่งอัตราการไหลของน้ำแข็งได้
ทีมสำรวจของ Scripps Institution ยังต้องการสำรวจธารน้ำแข็งทเวตส์ (Thwaites Glacier) ที่มีขนาดใหญ่กว่าธารกระแสน้ำแข็งวิลแลนส์มากต่อไป เนื่องจากสนใจในอัตราการละลายของน้ำแข็งที่อาจส่งผลต่อระดับน้ำทะเลของโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ
ภาพจาก : unsplash