เป็ดแพ้แล้ว…. ประโยคนี้เต็มไปทุกเพจใน Facebook ขณะนี้ เอาเป็นว่าทีใครทีมันนะครับ แข่งกันแบบสมศักดิ์ศรีแบบนี้ก็สนุกดี คุ้มที่ตื่นตี2มาชม ตื่นเช้ามาอ่านคอมเมนต์พาข่มกันอย่างสนุกสนาน ฮา……

แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ครับว่า ทำไมแฟนบอลของทั้งสองสโมสร ไม่กินเส้นกันมากๆ ไม่ใช่แค่ในอังกฤษหรือประเทศไทย เรียกได้ว่าทั่วโลกเลยก็ว่าได้ แค่เดินไปถามใครก็ได้ว่า “เฮ้ย นายเชียร์ทีมไหน” และถ้าคำตอบเป็นทีมตรงข้ามกับที่เราเชียร์ก็คงแทบจะเดินด้วยกันต่อไม่ได้ หรือว่ามื้อนี้คงไม่เจริญหาอาหารอย่างแน่อน และต่อให้ทั้งสองทีมมีลำดับตารางคะแนนห่างงงงงงงงงงงงงกันขนาดไหน ถ้าเวียนมาเจอกันเมื่อไหร่ สนามแตกทุกคราว ถ้าใครสงสัยว่าทำไมสองสโมสรนี้แถบจะไม่มองหน้ากัน กบนอกกะลา จะเล่าให้ฟังคร่าวๆพอเข้า เป็นคู่มือก่อนเข้าสนามบอลแมตช์สำคัญที่กำลังจะมาถึงแล้วกันครับ

อริกันมาตั้งแต่ก่อนรุ่นพ่อจะปฏิสนธิ

ประวัติศาสตร์ได้บันทึกเรื่องราวการไม่ลงรอยกันระหว่างสองเมืองในประเทศอังกฤษ คือ ลิเวอร์พูลที่เป็นเมืองท่าสำคัญ และเมืองแมนเชสเตอร์เมืองแห่งอุตสาหกรรม ต้องย้อนกลับไปในยุคเฟื่องฟูอุตสาหกรรมในอังกฤษ ให้เรานึกง่ายๆนะครับว่า เมื่อเมืองแมนเชสเตอร์ผลิตสินค้าอะไรสักอย่าง จะต้องลำเลียงเพื่อผ่านมาขึ้นเรือสินค้าที่เมืองลิเวอร์พูล ใช่ครับ เมืองแมนเชสเตอร์ ไม่มีแม่น้ำหรือคลองในการลำเลียงสินค้า ดังนั้นชาวเมืองลิเวอร์พูลจึงกลายเป็นเมืองของพ่อค้าคนกลาง รับซื้อต่อเพื่อขาย และส่งออก มีการกดราคาสารพัด เกิดความเฟื่องฟูมากในเมืองท่ายุคก่อน (ถ้านึกว่ารุ่งเรื่องไม่ออกก็ลองไปดูหนังเรื่องไททานิค เพราะว่า เรือไททานิคก็มีท่าจอดเรืออยู่ที่เมืองท่าลิเวอร์พูลนั่นเอง) ชาวเมืองลิเวอร์พูลจะถูกเรียกว่าชาวสเกาเซอร์ และชาวเมืองแมนเชสเตอร์จะมีชื่อเรียกว่าแมนคูเนียน สเกาเซอร์กับแมนคูเนียนก็เลยไม่ลงรอยกัน ความกดดันในการส่งสินค้าที่ต้องบวกค่าธรรมเนียมผ่านทาง ทำให้ชาวแมนคูเนียนลงขันกันสร้างภารกิจที่ยิ่งใหญ่ให้ลูกหลาน คือการสร้างคลองสำคัญที่มีชื่อว่า Manchester Ship Canal ความยาว 36 ไมล์ เมื่อปี 1894 ความสุขเลยไปเกิดที่เมืองแมนเชสเตอร์ไงครับ ต่อจากนี้ไม่ต้องผ่านนายหน้าลงเรือแล้ว เรือสินค้าลอยมาจอดหน้าบ้านเลย แต่ความฉิบหายกลายเป็นของชาวเมืองลิเวอร์พูล ที่มีคนตกงานเป็นจำนวนมากจากการขุดคลองครั้งนี้

ความดุเดือดของลูกหนัง ยังอยู่ที่ลิเวอร์พูล

หลายคนคงเข้าใจดีนะครับว่า กีฬาฟุตบอลนั้น เป็นเหมือนปัจจัยสำคัญของชาวอังกฤษ ขาดบอลเมหมือนขาดใจ ทีมรักแพ้ เราก็เจ็บ จากเหตุการณ์ขุดคลองครั้งสำคัญนั้น ในปีเดียวกัน หรือปี 1894 มีแมตช์ฟุตบอลแมตช์สำคัญเกิดขึ้น คือสโมสรลิเวอร์พูล ที่ตอนนั้นแยกตัวออกมาจากสโมสรท้องถิ่นที่ชื่อว่า เอฟเวอร์ตัน กำลังทำผลงานได้ดีในดิวิชั่น2 เรียกได้ว่าสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นตลอดฤดูกาล มีสิทธิได้แข่งเพลออฟ เพื่อเป็นการทดสอบว่าจะผ่านไปเล่นในดิวิชั่น1 โดยจะต้องลงเตะกับทีมอันดับสุดท้ายของดิวิชั่น1 ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน วัยรุ่นเมืองแมนนั่นเอง ซึ่งในยุคนั้นยังใช้ชื่อทีมว่า นิวตัน ฮีท ผลของการแข่งขันคือการดับฝันวัยรุ่นเมืองแมน ลิเวอร์พูลกดเบาๆไป 2-0 ส่งให้แมนเชสเตอร์ลงไปเล่นในดิวิชั่น2แทนนั่นเอง และนี่ก็คือปฐมบทของแดงเดือด ที่สร้างประวัติศาสตร์การแก่งแย่งชิงดีกันในเรื่องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี รวมถึงรายได้ของทั้งสองเมืองมาถึงปัจจุบัน

แดงเดือดในไทย ทำไมต้องข่ม

ถ้าอ่านก่อนหน้านี้มา แทบไม่น่าเชื่อนะครับว่าประวัติศาสตร์ของสองเมืองนั้น จะสร้างความร้าวฉานให้กลายมาเป็นสงครามย่อมๆ ของแฟนบอลทั้งสองทีมทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย แอดเองก็เคยสงสัยนะครับว่า มันกลายมาเป็นแดงเดือดในไทยได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เรื่องนี้เรียกได้ว่า เป็นการสอบถามด้วยตัวเอง จากลุงๆป้าๆพี่ๆน้าๆอาๆ ที่อยู่ในแวดวงกีฬาต่างประเทศของเมืองไทย มีเรื่องเล่าไปในหลายทิศทาง แต่ก็น่าจะจับใจความได้ว่า

เริ่มมีการถ่ายทอดเสียงการแข่งขันฟุตบอลต่างประเทศในประเทศไทยผ่านวิทยุกระจายเสียง ในยุค 80 และจะเลือกถ่ายทอดเสียงเฉพาะแมตช์ใหญ่ ที่มีทีมใหญ่ หรือยอดทีมในยุคนั้นลงเตะ จึงเป็นครั้งแรกที่คนไทยได้รู้จักกับยอดทีมที่มีฉายาว่า เครื่องจักรสีแดง หรือ The Red Machine นี่คือสมญานามของสโมสรลิเวอร์พูลในขณะนั้น เรียกได้ว่าในยุค 80 คงไม่มีทีมฟุตบอลทีมไหนในโลกใบนี้ที่รุ่งเรืองไปกว่ายอดทีมจากเกาะอังกฤษทีมนี้แล้ว ทำให้ยอดแฟนบอลของทีมนี้ในประเทศไทย เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย จะทำไงได้ ก็เขาเลือกถ่ายเฉพาะทีมนี้บ่อย แฟนบอลก็เยอะเป็นปกติ สังเกตง่ายๆว่าแฟนบอลบ้านเราถ้ามีอายุประมาณ 40+ ส่วนมากจะเป็นแฟนลิเวอร์พูล หรือไม่ก็เอฟเวอร์ตัน เพราะยุคนั้นสองทีมนี่รุ่งเรืองนั่นเอง

แต่แล้วเมื่อมาถึงยุค 90 กับการจุติของ Class of 92 หรือทีมพลังหนุ่ม ทีมแมนเชสเตอร์ที่ได้รับการปลุกปั้นโดย เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน สร้างเสียงฮือฮา ขึ้นมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษได้หลานสมัยติด บวกกับเทคโนโลยีการถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม ที่ทำให้คนไทยได้เห็นสไตล์การเล่นที่ดุดันของทีมแมนเชสเตอร์ ก็เกิดกลายเป็นยุคทองของเด็กผี ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นวัย 30+ นั่นเอง เมื่อความเห็นไม่ตรงกันการข่มกันก็เกิด สังคมของเพื่อนๆผู้ชายส่วนใหญ่ก็คงไม่มีอะไรคุยกันมากไปกว่าเรื่องฟุตบอลแล้วละครับ มีแดงเดือดเมื่อไหร่ ก็เตรียมหูชากันได้เลย ใครชนะก็ยืดได้ ใครแพ้ก็ปิดเฟชบุ๊คสักสองสามวัน เอาเป็นว่าแซวกันพอประมาณนะครับ เสียเพื่อนมาหลายคนแล้วเหมือนกันกับการแซวเรื่องฟุตบอลเนี่ย

ไม่ใช่หงส์ และไม่ใช่เป็ด

ในยุคที่หนังสือพิมพ์ไทยขยันสร้างฉายาให้สโมสรฟุตบอลต่างประเทศ ก็เกิดฉายาหงส์แดงขึ้นมาข่าวของทีมลิเวอร์พูล จนฉายาเครืองจักรสีแดงก็ค่อยๆเลือนหายไป เพราะโลโก้สโมสรมีลักษณะเป็นกชนิดหนึ่ง มีรูปลักษณ์คล้ายหงส์ แต่ความจริงแล้วมันคือนก ลิเวอร์เบิร์ด เป็นนกที่ไม่มีอยู่จริง หรือประมาณสัตว์ในเทพนิยายนั่นแหละครับ ที่มาที่ไปก็คือ สมัยศตวรรษที่13 KING JONH ได้ตั้งฐานทัพที่เมืองท่าเล็กๆแห่งหนึ่ง มีชื่อว่า Lerpool ต่อมาก็กลายเป็นเมืองใหญ่ชื่อว่า Liverpool และฐานทัพแห่งนี้ยังคงอยู่มีการใช้รูปนก Cormorant คาบสาหร่ายทะเล หรือ Laver ดังนั้นรูปลักษณืของนก Cormorant หรือ นกกาน้ำคาบสาหร่าย ก็ถูกออกแบบให้กลายเป็นสัญลักษณืประจำถิ่น โดยตั้งชื่อมันว่า นก Liver Bird นั่นเอง

ไม่ใช่ผี และไม่ใช่หมา

ส่วนโลโก้และฉายาของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเตดนั้น มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบสัญลักษณ์ของสโมสรมาหลายครั้งแล้ว เคยมีการใช้สัญลักษณ์ประจำตระกูลของขุนนางในท้องถิ่นมาเป็นตราประจำสโมสร ซึ่งเป็นรูปกวางและสิงโต ก่อนที่จะเปลี่ยนมาตราสโมสรที่มีรูปเรือใบ ไม่ใช่เรือใบสีน้ำเงินนะครับ แต่เป็นเรือใบสีดำในรูปโล่ สื่อถึงการเป็นเมืองสำคัญในด้านอุตสาหกรรม และการส่งออก และก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง มาเป็นรูปของปีศาจแดง เป็นแนวคิดของ เซอร์ แมตต์ บัสบี เพื่อที่จะขู่ขวัญทีมอื่น และก็กลายมาเป็นโลโก้สุดคลาสสิคที่ถูกใช้มาถึงปัจจุบัน

ข้อมูลจาก
skysports.com/football
bbc.com/sport
theguardian.com/sport

Writer

Related Posts

ไม่(รู้)ว่ากระพริบตาหรือหลับ(ตา)

ไหว้พระจันทร์เสาร์นี้ ต้องเตรียมอะไรบ้าง ?

อยากเป็น Influencer ต้องใช้สูตร 3 ป.

ไม่มีเมนูเอสเพรสโซเย็นบนโลกใบนี้

ค่า FT คืออะไร ?

นางเหงือกพันธุ์ไทย มีกับเขาบ้างไหม ?