บอกว่าให้ศึกษา อริยสัจ4
กลายเป็นคำพูดยอดฮิตติดหู “ย้อนไปดูศึกษาอริยสัจ 4 ดูนะ” ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้นะครับว่า เป็นคำพูดของใคร แต่ว่าถึงจะกลายเป็นแฮชแท็กยอดฮิตในโลกออนไลน์ขนาดไหน ใครเป็นคนพูด พอใจ ถูกใจ ไม่ถูกใจ หมั่นไส้ หรือเฉยๆ แต่ความจริงนั้นมันแฝงไปด้วยความแท้จริงของโลกมนุษย์ และชีวิตสัตว์โลกอย่างเราๆ เอาเป็นว่าหลายคนก็ยังคงเคารพในหลักธรรมเรื่องนี้ และหลายคนก็หลงๆลืมๆไปแล้ว เรามาวิเคราะห์ไปพร้อมๆกันเลยนะครับว่า หลักธรรมนี้ มีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตของเราขนาดไหน
นี่คือสัจธรรมของโลก ที่พระพุทธเจ้าได้สอนเอาไว้
อริยสัจ หมายถึง ความจริงอันประเสริฐ พระพุทธองค์ทรงสอนให้คนเรานั้นอยู่กับตัวเองให้มาก พิจารณาตัวเอง หัดเคารพตัว และรู้จักตัวเองให้มากขึ้น พิจารณาว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ มันเกิดขึ้นจากอะไร ใครเป็นก่อ และขึ้นกับเราได้ไง เมื่อเรารู้ตัวตนของเราแล้ว ก็หาวิธีในการจัดการกับปัญหาเหล่านั้นอย่างถูกวิธี เรื่องราวเหล่านี้คือแนวทางการใช้ชีวิตของมนุษย์ชาติมาทุกยุคทุกสมัย ไม่จำเป็นว่าจะเป็นชาวพุทธเท่านั้น แต่ทุกศาสนาก็จะมีวิธีดับทุกข์ที่เหมือนกันทั้งสิ้น เชื่อว่าหลายๆคนที่ศึกษาในอริยสัจ 4 แล้วก็จะเจอข้อยิบย่อยต่างๆแตกออกไปอีกมากมาย แต่เราจะอธิบายให้ฟังง่าย และสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค และมาพิจารณาไปพร้อมกันนะครับ
ทุกข์ (รู้จักทุกข์)
อะไรก็ทุกข์ไปหมดใช่ไหมละครับช่วงนี้ ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ราคาอาหารของใช้ก็แพง ไปไหนก็ลำบาก โรคก็เยอะ ทั้งหมดทั้งมวลก็คือทุกข์ที่เราได้รับ เราต้องมานั่งวิเคราะห์ตัวเราว่า ในขณะนี้ เฮ้ย !!! มันเกิดอะไรขึ้นกับกูวะเนี่ย มันมีกี่ทุกข์ละเนี่ยที่วนเวียนอยู่ในชีวิตขณะนี้ ซึ่งทุกข์มันก็คือต้นตอของสภาพจิตที่แย่ของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน คนเราแบกทุกข์เยอะๆก็ใช้ชีวิตลำบากนะครับ ไปไหนมาไหนเป็นคนอมทุกข์ หน้าตาไม่รับแขกคนรอบข้างก็ไม่อยากพบปะ เพราะฉะนั้น ก็จะต้องทำการหาวิธีดับทุกข์ ด้วยการสังเคราะห์ทุก ที่เรียกว่า สมุทัย
สมุทัย (พิจารณาทุกข์)
มีหลายคนเคยพูดว่า พระพุทธองค์ตรัสว่า “ทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนเกิดขึ้น โดยไม่มีความบังเอิญ มันมีเหตุและผลของมัน” ผมก็ไม่แน่ใจนะครับว่า พระพุทธเจ้าเคยพูดไว้แบบนี้จริงหรือเปล่า แต่ถ้ามาคิดย้อนไปวิเคราะห์ความหมายของประโยคนี้แล้ว มันก็จริงตามที่เขาพูดกันมานั่นละครับ เรารู้ทุกข์แล้ว เราก็ลองย้อนไปดูหน่อยครับว่า อะไรหละ ที่ทำให้เราเป็นทุกข์ ข้อนี้ไม่ยากเลยครับ เป็นไปไม่ได้ที่อยู่ๆก็จะทุกข์ขึ้นมา มันต้องมีที่มาซิครับ ซึ่งส่วนมากก็เกิดจากกิเลสของเรา ที่อยากได้ อยากมี ปรารถนา พอไม่ได้อย่างใจหวังก็เกิดทุกข์ หรือเข้าไปร่วมทุกข์โดยไม่ได้ตั้งใจ หรือ มีใครบังคับให้เราต้องทุกข์ อย่างเช่น ขึ้นราคา ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าไข่ ค่าเนื้อหมู ค่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รายได้เท่าเดิมเพิ่มเติมคือของแพง ทุกข์ล้วน เมื่อเรารู้ต้นทางของทุกข์แล้ว เราก็ต้องหาวิธีกำจัดทุกข์ของเราด้วย นิโรธ
นิโรธ (แนวทางบรรลุดับทุกข์ด้วยธรรม) ทำได้หรือเปล่า?
ทำได้ครับ บอกตรงๆเลยว่าเราสามารถทำได้ ถ้าทุกข์ในเรื่องนั้น เราเป็นสร้างเอง ตอนนี้เรารู้จักทุกข์แล้ว รู้ที่มาของทุกข์แล้ว เราก็ย้อนไปดูปัญหาของทุกข์และสร้างวิธีการแก้ปัญหาของทุกข์นั้นๆ มันจะไปยากอะไร สมมุติว่าเรามีปัญหาเรื่องครอบครัว เรากำลังนอกใจภรรยา ทุกข์ก็คือปัญหาที่ระหองระแหงกันไหนครอบครัว วิธีการดับทุกข์คืออะไร ก็เลิกยุ่งกับคนที่เรากำลังนอกใจด้วย นึกถึงความสุขส่วนรวมของผู้ที่เราควรให้ความสำคัญมากกว่า อย่างแอดเอง เรามีรู้สึกว่าเรามีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย มีแก๊สในกระเพาะอาหารเยอะมาก มีปัญหามากเวลาอยู่ในวงสังสรรค์ วิธีดับทุกข์คือ เลิกกินเบียร์ซะ (ไปกินเหล้าแทน) อันนี้ล้อเล่นนะครับ เราเลิกดื่มสิ่งมึนเมา ปรากฏว่า ทุกข์ข้อนี้ก็หายไปเลย มันอยู่ที่ตัวเราเองครับว่า เราพร้อมที่จะใช้ นิโรธเป็นแนวทางดับทุกข์ของเราจริงๆหรือเปล่า สุดท้ายก็จะทำให้เราเกิด มรรค ขึ้นมา
มรรค (ธรรมและทำให้เกิดขึ้น)
เมื่อนิโรธคือสิ่งที่เป็นแนวทางความคิด มรรค คือการทำให้มันเกิดขึ้นจริงๆ หลักธรรมวัดใจ ว่าคุณพร้อมจะดับทุกข์ด้วยตัวคุณจริงหรือไม่ หรือยังปล่อยให้กิเลสตามกัดกินชีวิตของคุณต่ออย่างยินยอม ความจริงเรื่องของ มรรค ก็สามารถแยกย่อยออกไปเป็น มรรค8 ได้อีก แต่ให้เราพอเข้าใจได้ว่า เรารู้ความจริงที่เกิดกับตัวเรามาทุกกระบวนการแล้ว ตั้งแต่การเกิดทุกข์ ก็ถึงเวลาที่จะต้องลงมือดับทุกข์ด้วยตัวเอง เมื่อคุณเข้าถึงมรรคได้ ก็จะกลายเป็นนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ก่อนหน้านี้ถ้ากูไม่ทำแบบนี้ ก็คงไม่ต้องมาทุกข์แบบนี้ และชีวิตก็จะมีแนวทางปฏิบัติให้คุณได้สบายใจต่อๆไปในอนาคต
เขาบอกว่า ให้เราศึกษาอริยสัจ 4
ความจริงแล้วคนที่พูดถึงเรื่องอริยสัจ 4 นั้น พวกเขาก็น่าจะเป็นผู้รู้ในระดับหนึ่งนะครับว่า ความจริงของโลกและการดับทุกข์ของคนอื่นและตัวเองควรทำอย่างไร แต่บางทีก็ทำเป็นหลับหูหลับตามองไม่เห็นทุกข์ และทุกข์นี้ไม่ใช่แค่ทุกข์ของตัวเองนะครับ มันคือทุกข์ของคนอื่นๆด้วย แอบสงสัยเหมือนกันว่า ทำไมไม่ไปนั่งสมาธิแล้วพิจารณาอริยสัจ 4 ทบทวนตัวเอง แล้วแก้ปัญหาที่เกิด ก่อนมาประกาศให้คนอื่นพิจารณาตัวเองแทน มันก็ค่อนข้างย้อนแย้งเหมือนกันว่าไหมครับ ส่วนตัวนะครับแอดมินคิดว่า อริยสัจ 4 นั้นเป็นแนวทางที่ดี และดีมากๆที่จะทำให้ทุกคนพ้นทุกข์ได้ ตอนนี้ใครแก้ไขทุกข์ของตัวเองในเรื่องไหนได้ก่อน ก็ทำไปก่อน ไม่ให้ทุกข์นั้นพอกจนเป็นดินติดหางหมู เดินไปไหนก็ลำบาก ทำอะไรก็ไม่สะดวก แล้วมาช่วยเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน ให้พ้นทุกข์โศกจากช่วงวิกฤตแบบนี้ให้ได้นะครับ