
หนึ่งในสินค้าป๊อปแห่งยุคสมัยที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกคงมี ‘ชาไข่มุก’ หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘Boba tea’ หรือ ‘Bubble tea’ หรือ ‘Black pearl tea’ เป็นหนึ่งในนั้น อย่างที่จะเห็นได้ว่าชาไข่มุกเป็นที่ถูกใจและโปรดปรานของคนทั่วโลก ทุกเพศ ทุกวัย ทุกฐานะ
หนึ่งในผลพวงของความเจริญรุ่งเรืองด้านอาหารของมนุษยชาติ
ถึงแม้กระแสชาไข่มุกจะแรงขึ้นมาก ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ชานมไข่มุกถือกำเนิดอยู่คู่โลกมาถึง 34 ปีแล้ว จริง ๆ แล้วการเติบโตขึ้นของชาไข่มุก ย้อนกลับไปได้ในช่วงหลังสงครามโลก ช่วงยุค 1940’s เมื่อคุณ Chang Fan Shu ชาวไต้หวันที่ได้ทำงานในร้านอาหารญี่ปุ่นแบบ Izakaya ริเริ่มวิธีการชงชาแบบใหม่ โดยนำไปเขย่าในเชกเกอร์สำหรับค็อกเทล ทำให้ชาที่ได้ออกมานั้นมีรสสัมผัสแปลกใหม่ มีฟองนมนุ่มฟูอยู่ด้านบน เป็นที่มาของชื่อ Bubble tea
.
หลังจากนั้นด้วยความเติบโตทางเศรษฐกิจหลังยุคสงครามทำให้โลกเริ่มรุ่มรวยทางทรัพยากรทางอาหาร และก้าวข้ามการทานอาหารเพื่อความอยู่รอด ไปสู่จุดที่ทานอาหารเพื่อความสุขได้ เป็นที่มาของกระแส “Leisure food” ซึ่งหมายถึงการทานอาหารที่ตอบวัตถุประสงค์ทางสังคมและความเพลิดเพลินจากการรับประทานที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่าน หากโลกไม่สามารถมาถึงจุดที่รุ่มรวยด้วยทรัพยากรทางอาหาร ชาไข่มุกรวมถึง Leisure Food ต่าง ๆ ก็คงไม่สามารถที่จะเติบโตขึ้นมาครองพื้นที่ส่วนแบ่งกระเพาะอาหารได้มากขนาดนี้
ความสำเร็จและความท้าทาย
ชาไข่มุกนอกจากได้รับความนิยมด้วยตัวมันเองแล้ว เมื่อเป็นสินค้าติดตลาด การต่อยอดโดยนำไปพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ก็ได้รับการตอบรับอย่างไม่ยากนัก โดยชาไข่มุกได้ถูกนำไปพัฒนาต่อเป็นสินค้ารูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกอม เยลลี่ เค้ก บิงซู ไปจนถึงพิซซ่า
ไม่เพียงเท่านั้น หนึ่งในประเทศที่นิยมชาไข่มุกคือสหรัฐอเมริกา ที่ระเบิดความนิยมมาตั้งแต่ช่วง 90’s จนถึงขั้นมี ‘National Bubble Tea Day’ ในทุกวันที่ 30 เมษายนของทุกปี โดยผู้ริเริ่มคือร้านชาไข่มุกเจ้าใหญ่ในอเมริกาที่ชื่อว่า Kung Fu Tea ที่ได้เริ่มแต่งตั้งวันชาไข่มุกแห่งชาติมาตั้งแต่ปี 2018 และกระแสความนิยมของชาไข่มุกถูกตอกย้ำอีกครั้งเมื่อชาไข่มุกถูกคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน emoji ใหม่ในปี 2020
แต่ความสำเร็จของชาไข่มุกก็มาพร้อมกับความท้าทาย เมื่อถูกตกเป็นจำเลยตัวการความอ้วนอยู่บ่อยครั้ง เพราะชานมไข่มุกหนึ่งแก้วให้พลังงานประมาณ 300-500 kcal เทียบเท่าได้กับอาหารจานเดียวยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นกะเพรา ข้าวผัด ข้าวขาหมูหนึ่งจานเลยทีเดียว ทำให้เป็นโจทย์สำคัญของวงการชาไข่มุกที่ต้องหาทางให้ลูกค้ายังสามารถดื่มชาไข่มุกได้แต่สุขภาพก็ไม่เสียด้วย อย่างร้านชาไข่มุกแห่งหนึ่งในเมืองจีน ก็อยากช่วยบรรเทาความรู้สึกผิดของลูกค้าโดยการให้ลูกค้าออกกำลังกายเป็นเวลา 60 วินาทีก่อนถึงจะสั่งชาไข่มุกได้
Bubble Tea Anatomy Evolution
ถึงแม้องค์ประกอบหลักของชาไข่มุกจะมีเพียงแค่ตัวชาและไข่มุก แต่หากมองพัฒนาการของชาไข่มุกในระดับ anatomy ในแต่ละมิติของชาไข่มุก จะเห็นว่ามีการพัฒนาลูกเล่นมาโดยตลอดเพื่อตอบสนองผู้บริโภคในฐานะ ‘Leisure Food’
Humanitas ชวนมาดูวิวัฒนาการของชาไข่มุกที่ผู้อ่านสามารถนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้ในการพัฒนาสินค้าและการบริการโดยมองความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ผ่านการมองแบบเจาะลึกในแต่ละมิติของสินค้า
- ชา :
โดยดั้งเดิม ชาไข่มุกมีให้เลือกเป็นตัวเลือกพื้นฐาน เริ่มจากตระกูลชานม มีทั้งชานมไต้หวัน ชาไทย ชาเขียว โกโก้ ชาเผือก หรือกาแฟ หรือคนรักสุขภาพอาจเลือกเป็นตระกูลชาใส เช่น ชาเขียว ชามะลิ ชาผลไม้ ปัจจุบันแต่ละร้านต่างก็พัฒนาสูตรเพื่อเรียกความสนใจโดยการนำเอาวัตถุดิบที่เป็นที่นิยมมาพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นชานมมันม่วง ทุเรียน ไปจนถึงกัญชา
- ไข่มุก :
ไข่มุกชนิดที่ฮิตที่สุดคงเป็นไข่มุกดำเม็ดโตแบบคลาสสิก โดยในยุคเริ่มแรกมีทางเลือกเป็นเยลลี่ผลไม้ เฉาก๊วย ถั่วแดง หรือพุดดิ้ง แต่ในปัจจุบันตัวเลือกของตัวไข่มุกมีการพัฒนาไปหลากหลายรูปแบบ ทั้งขนาดที่มีให้เลือกแบบเล็กลง เพื่อความง่ายในการรับประทาน และแบบที่ใช้วัตถุดิบเป็นมิตรต่อสุขภาพ เช่น มุกบุกที่ทำจากหัวบุก รวมถึงเพิ่มความสนุกให้กับการรับประทานไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งด้วยน้ำเชื่อม ซอสรสต่าง ๆ เช่น ไข่เค็ม หรือแม้กระทั่งใส่ topping ด้วยบัวลอย
- ระดับความหวาน :
เมื่อกระแสชาไข่มุกมา บ่อยครั้งที่ชาไข่มุกถูกกล่าวโทษว่าเป็นตัวการสิ้นเปลืองเงินไปจนถึงเป็นตัวบ่อยทำลายสุขภาพ โดยในยุคแรก ผู้บริโภคที่นิยมหวานน้อย อาจเลือกสั่งชาไข่มุกแบบไม่หวานเลยหรือหวานน้อย แต่คำว่าหวานน้อยก็อาจไม่เท่ากันในแต่ละคน ปัจจุบันการสั่งชานมไข่มุกจึงใช้ระบบเปอร์เซ็นต์ (%) ในการสั่ง ว่าอยากได้ความหวานระดับใดจากความหวานปกติ เช่น 0%, 25%, 50% และ 75% ในบางร้านอาจมีทางเลือกเป็นการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลหรือการใช้หญ้าหวานเพื่อเป็นทางเลือกด้านสุขภาพ
- ขนาด :
ขนาดแก้วของชาไข่มุก โดยมากมีให้เลือกแก้วปกติและแก้วใหญ่ แต่หลังจากที่ชาไข่มุกเป็นที่เสพติดของผู้บริโภคที่อยากทานของอร่อยแต่ก็ห่วงสุขภาพ ทำให้พยายามลดหรืองดความถี่ในการทานชาไข่มุก จึงมีผู้ผลิตบางรายพัฒนาขนาดมินิเพื่อให้สามารถบริโภคได้บ่อยโดยไม่รู้สึกผิดมาก ปิดช่องว่างทางการตลาดที่ลูกค้าอยากทานในปริมาณที่ไม่มากและผู้ขายก็ไม่เสียโอกาสทางธุรกิจ
- บรรจุภัณฑ์ :
แรกเริ่มเดิมที ชาไข่มุกเป็นชาชงสดใส่แก้วพลาสติก รูปแบบที่นิยมคือซีลด้วยพลาสติกบนฝาแก้ว แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาใส่ในบรรจุภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยมีทั้งแบบบรรจุในขวดพลาสติกหรือในกระป๋องเพื่อวางขายในร้านสะดวกซื้อ เป็นการขยายโอกาสทางการขายให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าได้สะดวกมากขึ้น
เรื่อง : สุธาสินา เชาวน์เลิศเสรี
ภาพ :
ที่มา :
- https://edition.cnn.com/travel/article/taiwan-bubble-tea-origins/
- https://luxuryviewer.com/how-when-did-bubble-tea-become-so-popular/
- https://www.eater.com/2019/11/5/20942192/bubble-tea-boba-asian-american-diaspora
- https://edition.cnn.com/style/article/new-emoji-2020-gender-inclusive-scli/index.html
- https://www.eater.com/2019/11/5/20942192/bubble-tea-boba-asian-american-diaspora
- https://uk.news.yahoo.com/tea-shop-china-requires-customers-080000432.html