ตอนอายุ 13 ปี บิลลี ไอลิช โพสต์เพลง “Ocean Eyes” ลงอินเทอร์เน็ต เพลงนี้เปลี่ยนชีวิตเธอจากวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตในโลกออนไลน์ (Electronic Girl หรือ E-Girl) สู่ไอคอนสาวแห่งยุค Gen-Z 

บิลลี ไอลิช เกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2001 เธอเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เจ้าของรางวัลแกรมมี่ 7 สมัย มีเพลงมากกว่า 20 เพลงติดบิลบอร์ดฮอต 100 มียอดสตรีมมากกว่า 7 พันล้านครั้งทั่วโลก และมีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียมากกว่า 140 ล้านคน ปัจจุบันเธอเป็นศิลปินหญิงระดับโลกที่มีอิทธิพลทางความคิดและแฟชั่นต่อคนรุ่นใหม่ในศตวรรษที่ 21 อย่างมิอาจปฏิเสธได้ และในเดือนสิงหาคมนี้ เธอเตรียมบินมาทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกในประเทศไทย และเมืองต่าง ๆ ในเอเชีย เช่น โซล, กัวลาลัมเปอร์ และโตเกียว ฯลฯ ก่อนที่เราจะได้ดูคอนเสิร์ตของเธอในอีกไม่ช้า วันนี้เราพาย้อนความทรงจำไปดูจุดเริ่มต้นว่า อะไรทำให้ไอลิชประสบความสำเร็จจนกลายเป็นไอคอนสาวแห่งยุค 

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 บิลลี ไอลิช ยังเป็นเพียงวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่งที่ชอบอยู่ในโลกออนไลน์ วันหนึ่งเธอได้โพสต์เพลงตัวเองลงอินเทอร์เน็ต แต่เพลงของเธอกลายเป็นไวรัลจนทำให้ชีวิตของเธอพลิกผันจากวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตในโลกออนไลน์สู่ไอคอนสาวแห่งยุค Gen-Z ในวันที่ 1 สิงหาคม 2015 ไอลิชและพี่ชาย (Finneas O’Connell) ได้อัปโหลดเพลงลงเว็บ SoundCloud ชื่อเพลงว่า “sHE’s brOKen” ซึ่งพูดถึงการยุติความสัมพันธ์ของคู่รัก และเดือนถัดมาพวกเขาได้ลงอีกหนึ่งเพลงชื่อว่า “Fingers Crossed” เพลงนี้ไอลิชเขียนเนื้อร้องเอง โดยได้แรงบันดาลใจจากซีรีส์ซอมบี้เรื่อง The Walking Dead เธอนำชื่อตอนในซีรีส์มาใส่ในเนื้อเพลงเช่น “Everybody makes it ’til they don’t” และ “Too far go” เพลงนี้เธอตั้งใจพูดถึงชีวิตของซอมบี้ ทว่าสุดท้ายมันก็ออกมาเป็นเพลงรักที่ให้ความรู้สึกเจ็บปวด 

สองเพลงข้างต้นยังไม่เป็นที่นิยมของผู้ฟังทั่วไปมากนัก มีเพียงเพื่อน ๆ ของพวกเขาเท่านั้นที่คอยสนับสนุนผลงาน จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายน 2015 พวกเขาอัปโหลดเพลงที่ 3 ชื่อว่า “Ocean Eyes” เพลงนี้กลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว สถานีวิทยุ KCRW นำเพลงนี้ไปเปิดให้คนทั่วโลกได้ฟัง และถูกนำมารีมิกซ์เผยแพร่ในโลกออนไลน์โดยเฉพาะเวอร์ชั่นของ Arron Davey นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ชาวอังกฤษที่ทำให้เพลงนี้โด่งดังในแพลตฟอร์มยูทูป ความเป็นป๊อปสตาร์ของไอลิชได้เกิดขึ้นแล้ว ในปีถัดมาเธอและพี่ชายได้ร่วมกันทำเพลงเพื่อออกอัลบัมแรกภายใต้สังกัด Interscope Records  

แนวเพลงของบิลลี ไอลิช เป็นเพลงป๊อปที่ผสมผสานซาวด์ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และฮิปฮอป อาร์แอนด์บีเข้าด้วยกัน พร้อมกับเนื้อหาเพลงที่ให้ความรู้สึกเศร้าและเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ตัวอย่างเพลง “bury a friend” ในเนื้อเพลงบางส่วนร้องว่า “เธอต้องการอะไรจากฉัน ทำไมไม่ทิ้งฉันไป เธออยากรู้อะไร เธอรู้อะไรบ้าง ทำไมเธอไม่กลัวฉัน มาห่วงใยฉันทำไม เมื่อเราหลับ เราจะไปไหน” เนื้อหาเพลงนี้ไอลิชพูดถึงปีศาจที่อาศัยอยู่ใต้เตียง ฝันร้าย หรือประมาณผีอำจนขยับแขนและขาไม่ได้ ซึ่งปีศาจร้ายก็คือตัวเรา เพราะศัตรูที่ร้ายที่สุดคือตัวเรา ตรงกันข้ามถ้าเรามองเพลงนี้ในเชิงอุปลักษณ์ ไอลิชพยายามเปรียบปีศาจเหมือนคนรักเก่าที่ยังคงหลอกหลอนเธอ ทำให้เธอรู้สึกสับสนและกระวนกระวายใจ 

เพลง “Listen Before I Go” เป็นอีกเพลงที่ให้อารมณ์โศกเศร้าอย่างมาก เพราะเนื้อหาพูดถึงความรู้สึกนึกคิดของคนที่กำลังคิดถึงเรื่องการฆ่าตัวตาย ดังเนื้อหาบางส่วนในเพลงร้องว่า “พาฉันขึ้นไปบนดาดฟ้า ฉันอยากเห็นโลกกว้าง ตอนฉันหยุดหายใจ” ครั้งแรกที่แม็กกี้ บาร์ด แม่ของเธอได้ฟังเพลงนี้ เขาถามลูกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงว่า “หมายความว่าลูกอยากกระโดดตึกจริง ๆ เหรอ ลูกโอเคกับเพลงแบบนี้เหรอ ไม่กังวลเลยเหรอ” (อ้างในสารคดีของบิลลี ไอลิช) ในฐานะแม่แล้วเธอเป็นห่วงลูกมาก เพราะเนื้อเพลงก็เหมือนความรู้สึกของลูกในตอนนั้น แต่ไอลิชก็ให้เหตุผลกับแม่ว่า เพลงนี้คอยรั้งชีวิตเธอไว้ เพราะเธอได้พูดออกมาเป็นเพลงแล้ว มันยังดีกว่าเราจะทำจริง ๆ กล่าวคือ ตั้งแต่อัลบัมแรกจนถึงปัจจุบัน บิลลี ไอลิช ก็ยังคงสร้างสรรค์เนื้อหาอันหม่นเศร้าให้เราได้ฟัง

การก้าวเข้าสู่วงการเพลงของบิลลี ไอลิช เกิดขึ้นจากครอบครัวเป็นผู้ผลักดัน เธอเล่าในสารคดีของตนเองว่า “ครอบครัวหล่อหลอมฉันมาเป็นแบบนี้ บางคนก็ได้รับการหล่อหลอมจากสภาพแวดล้อม เช่น โรงเรียนที่ไปหรือสังคมที่อยู่ แต่สำหรับฉัน คือแม่ พ่อ พี่ชาย และหมา … ครอบครัวเราเล่นดนตรีด้วยกันตลอด” แม่ของเธอสอนแต่งเพลง พ่อสอนเล่นเปียโนกับอูคูเลเล่ พี่ชายร่วมสร้างสรรค์ผลงานกับเธอ ดังนั้นเราจึงไม่แปลกใจที่ภาพถ่ายวัยเด็กของไอลิชจะเต็มไปด้วยกิจกรรมทางดนตรีกับครอบครัว และการสร้างสรรค์ผลงานเพลงจากวันแรกจนถึงวันนี้ เธอยังคงทำเพลงในห้องของพี่ชาย และได้รับแรงสนับสนุนจากพ่อแม่ 

โอคอนเนลล์ เป็นทั้งพี่ชายแสนดีและโปรดิวเซอร์ของไอลิช เขามีหน้าที่คอยดูแลน้องสาวในเรื่องการสร้างสรรค์ผลงานเพลง ดังที่เขาพูดกับน้องสาวว่า “ถ้าอยากทำเพลง ก็น่าจะทำให้จบก่อน สมมติเพลง “Crown” ก็ตั้งชื่อซะ … ถ้าเราตั้งใจทำก็เสร็จแน่แต่ไม่ใช่ทำตรงนี้นิดนึงแล้วไปทำอย่างอื่น ทำนิดนึงแล้วไปทำอย่างอื่น แค่นั้นเอง” เรื่องวินัยและการวางเป้าหมายคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ไอลิชทำเพลงสำเร็จ นี่คือแนวคิดของพี่ชายที่มอบให้น้องสาว 

ในขณะเดียวกัน แม่ของไอลิชจะคอยดูแลเธออย่างใกล้ชิดทั้งในบ้านและช่วงทัวร์คอนเสิร์ต ดังที่แม่พูดกับไอลิชว่า “เราต้องวางแผนเพื่อไม่ให้โดนเกลียดตอนโต เพราะตอนเด็ก ๆ ลูกพูดว่าจะไม่ใช้ยา ถ้างั้นทำไมพ่อแม่ต้องประกบลูก ลูกมีคนดูแลตั้งหลายคนเพื่อไม่ให้ลูกทำลายชีวิตตัวเองเหมือนคนอื่นเคยทำมาก่อน” ผู้เป็นแม่ตระหนักดีถึงผลร้ายที่ลูกอาจเจอในช่วงเป็นศิลปิน สิ่งที่แม่ทำได้ก็คือคอยตักเตือน ดูแลอย่างใกล้ชิด และมอบความรักแก่ไอลิชให้มากที่สุด ดังนั้นเราไม่สามารถปฏิเสธได้จริง ๆ ว่า ความสำเร็จของไอลิช นอกจากตัวตนของเธอแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งก็คือความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่เธอได้รับ ตั้งแต่ความใกล้ชิดสนิทสนม ความรัก ความเป็นวินัย และความรู้เรื่องดนตรีจากพ่อแม่และพี่ชาย 

หากดนตรีเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของไอลิชแล้ว แฟนเพลงก็เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเช่นกัน บิลลี ไอลิช พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างแฟนเพลงว่า “เวลาเห็นหน้าเพื่อน ๆ เห็นหน้าทุกคน ฉันมีความรู้สึกหลากหลาย รวมทั้งความเศร้า ทุกคนที่มาดูคอนเสิร์ตฉัน มีทั้งคนที่เจอเรื่องดี เรื่องไม่ดี เรื่องเลวร้าย เรื่องดีงาม อย่างน้อยที่สุดที่ฉันทำได้คือ สร้างสรรค์ศิลปะของฉัน เพราะฉันก็เจอปัญหาของพวกเขา … ฉันคิดว่าพวกเขาไม่ใช่แฟนเพลง แต่เป็นส่วนหนึ่งของฉัน” 

ทุกเพลง ทุกมิวสิกวิดีโอ และทุกคอนเสิร์ต ไอลิชให้ความสำคัญโดยพยายามใส่ความคิดของเธอลงไปเพราะนี่คือกิจกรรมทางภูมิปัญญาของไอลิชและครอบครัว และเพื่อแฟนเพลง … “goodbye” จาก Billie Eilish

เรื่อง : อภิสิทธิ์ ปานอิน

ภาพ : Instagram: billieeilish

ข้อมูลจาก :

  • Adrian Besley. Billie Eilish, The Unofficial Biography: From E-Girl to Icon. Minnesota, 2021
  • Billie Eilish. Billie Eilish. New York City, 2021
  • R.J. Cutler. Billie Eilish: The World’s a Little Blurry [Documentary]. Apple Original Films, 2021.
  • Scarlett Russell. Be Bad, Be Bold, Be Billie: Live Life the Billie Eilish Way. New York City, 2020
  • “Billie Eilish: Happier Than Ever, The World Tour” จาก https://www.livenation.co.th/show/1379758/billie-eilish-happier-than-ever-the-world-tour/bangkok/2565-08-24/th

Writer

Related Posts

เรื่องเล่าจากหลังร้านถึงหน้าร้าน ที่ Homeless House กับการมองธุรกิจให้เป็นเรื่องของการเอ็นจอยร่วมกัน

“ไจเดียว” ไหมพรมและเส้นด้ายย้อมมือที่ไม่มีไจไหนเหมือนกันเลยของ Manos del Uruguay องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ยืนระยะมาถึง 54 ปี

4 สัญญาณเตือนว่าคุณกำลังจะเป็น “เจ้านายคายพิษ”

“เสื้อยืดมือสอง” กับปลายทางที่ต้องสงสัย

T-pop และทางเลือกใหม่ๆ ของคนฟัง

เรื่องนี้ฉายเถอะ คนหาดใหญ่อยากดู