เรื่องราวของ “หนุ่ม” เจ้าของร้านหนังสือเดินทาง ร้านหนังสืออิสระที่อยู่คู่กับคนบนถนนพระสุเมรุมานาน จนเป็นเหมือนบ้านหรือที่พักใจของใครหลาย ๆ คนที่เข้ามาเยือน
แน่นอนล่ะว่า เราทุกคนมีความฝัน อย่างน้อย ๆ ตอนที่เราเรียนอนุบาลก็ต้องเจอคำถามจากคุณครูที่โรงเรียนบ้างว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร คำตอบที่เบสิคสุด ๆ ก็น่าจะเป็น คุณหมอ นางพยาบาล คุณครู ทหาร หรือตำรวจ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป คำตอบก็หลากหลายมากขึ้น เช่น อยากเป็นไอดอล นักวาดการ์ตูน นักกีฬาอีสปอร์ต กราฟิกดีไซเนอร์ แม่ค้าออนไลน์ เจ้าของสตาร์ตอัป ฯลฯ
แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าความฝันของเราสามารถกลายเป็นความจริงได้

เราเลยมาหาคำตอบจากคนที่ลงมือทำมาก่อนที่ “ร้านหนังสือเดินทาง” ซึ่งมี “พี่หนุ่ม” เป็นตัวอย่าง การได้คุยกับเขาแล้วนำเรื่องมาเล่าลงในโพสต์นี้ อาจช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ให้กำลังใจ หรืออาจทำให้ใครก็ตามที่ได้อ่านลุกขึ้นมาสู้ชีวิตต่อ
ซึ่งก่อนอื่นเราต้องยอมรับความจริงก่อนว่า ชีวิตมันไม่ง่าย และเราแต่ละคนก็มีต้นทุนชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ถ้าเปรียบชีวิตเป็นการเดินทาง หนทางและอุปสรรคต่าง ๆ ตลอดเส้นทางที่เราต้องเจอย่อมแตกต่างกัน
แล้วคำถามที่ว่าการนำสิ่งที่รักมาเป็นอาชีพนั้นทำได้ไหม พี่หนุ่มเองก็ได้ตอบคำถามนี้ด้วยการลงมือทำ ตัวเขาเริ่มต้นมาจากศูนย์ เป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และจบออกมาทำงานเป็นมนุษย์ออฟฟิศเหมือนกับคนอื่น ๆ แถมเขาก็ไม่ได้ “รวย” มาตั้งแต่เกิด ที่จู่ ๆ จะตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาเปิดร้านหนังสืออิสระเฉพาะทางเพื่อให้ดูเท่



แต่พี่หนุ่มเป็นคนที่รักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก เมื่อโอกาสมาถึง เขาจึงรีบคว้าไว้ ทำให้เกิด “ร้านหนังสือเดินทาง” ขึ้นมาบนถนนพระอาทิตย์ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจและเงินเก็บที่มี เพราะเขาคิดว่าถ้าจะต้องทนทำสิ่งที่ไม่ชอบ สู้ออกมาทำสิ่งที่ชอบจะดีกว่าไหม
ถ้าจะบอกว่าหนทางของพี่หนุ่มไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะในช่วงสี่ปีแรกที่เริ่ม เขากับคนใกล้ชิดอย่าง “พี่โย” ต้องเปิดร้านถึงสัปดาห์ละเจ็ดวัน โดยที่พี่โยยังทำงานประจำอยู่ แล้ววันหนึ่ง การใช้ชีวิตที่หักโหมเกินไปก็ทำให้พี่โยถึงกับล้มป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาล
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พี่หนุ่มหันกลับมาคิดว่านี่มันคือชีวิตที่เขาฝันไว้จริง ๆ หรือ การเป็นเจ้าของกิจการหรือทำงานฟรีแลนซ์มันควรจะทำให้เราสามารถจัดการเวลาในชีวิตได้ดีกว่าและมีความสุขมากกว่านี้หรือเปล่า เขาเลยขอพี่โยลองทำดูอีกซักตั้ง

ร้านหนังสือแห่งนี้จึงเปรียบเหมือนกับชีวิตของทั้งคู่ที่เป็นส่วนเติมเต็มให้กันและกัน ร้านนี้จึงเป็นมากกว่าแค่ร้านหนังสือ เมื่อเวลาผ่านไปจนตอนนี้ร้านย้ายมาอยู่บนถนนพระสุเมรุและได้เดินทางเข้าสู่ปีที่ 20 พี่หนุ่มก็ได้พิสูจน์ให้เราได้เห็นว่า ความฝันนั้นสามารถเป็นจริงได้ ตราบใดที่เรารักและมีความสุขที่จะทำสิ่งนั้นอยู่
แต่ถึงอย่างนั้นพี่หนุ่มก็ยังย้ำกับเราว่าการจะเริ่มต้นลงมือทำตามความฝันหรือออกจากคอมฟอร์ทโซนนั้น มีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ และอะไรที่ได้มาง่าย ๆ มักไม่มีความหมายหรือน่าภูมิใจเท่ากับการฝ่าฟันอุปสรรคและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มาได้ด้วยตนเอง เขายังเสริมอีกว่า มันไม่จำเป็นที่ต้องหักดิบ ลาออกจากงานที่ทำอยู่เลยเสียทีเดียว เพราะแต่ละคนก็มีปัจจัยต่าง ๆ ที่ต้องคำนึงถึง
โดยเฉพาะช่วงที่โควิดระบาด เศรษฐกิจตกต่ำ วิกฤตจากสงคราม และปัญหาสังคมอีกมากมายที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แค่ตอบคำถามตัวเองให้ได้ก็พอว่าอะไรคือนิยามชีวิตที่มีความสุขของเรา เช่น การได้อยู่กับครอบครัว มีเวลาออกกำลังกาย เดินทางบ้าง ได้ใช้ชีวิตเพื่อทำในสิ่งที่อยากทำ แค่นั้นก็พอ
